04-Dec-2018 อ่าน : 2306 คน
พื้นฐานครอบครัวของดิฉันมี “พันธุกรรม” ของโรคมะเร็งจาก ปู่ ย่า ตา ยาย เมื่อ 6 ปีก่อน พี่ชายคนโตของดิฉันป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ตับอ่อนคุณหมอตรวจพบว่ามีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงครึ่งปี ครอบครัวของดิฉันก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขวนขวายหาหมอเพื่อรักษาพี่ชายคนโตให้หาย แต่ในที่สุดปลายปีนั้น (ปี 1996) พี่ชายของดิฉันก็ได้เสียชีวิตลง
ในเดือนสิงหาคม ปี 2000 ฉันไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ บังเอิญวันนั้นเป็นวันนัดตรวจเต้านมดิฉันจึงลองตรวจดู ผลปรากฏคือคุณหมอตรวจพบว่าที่เต้านมด้านขวามีเม็ดตุ่มแข็งๆ 2 เม็ดผิดปกติ เมื่อคลำจะไม่รู้สึกเจ็บและไม่เคลื่อนที่ ลักษณะเหมือนเม็ดถั่วเขียว มีก้อนเนื้อนูนออกมาประมาณ 3 เซนติเมตร ดิฉันตกใจมากเพราะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน เหมือนกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ แต่กลายเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 2
ดิฉันพยายามสงบสติอารมณ์ จนในที่สุดดิฉันตัดสินใจรับรู้รายละเอียดของโรคก่อน จึงได้ไปตรวจอีกครั้งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าตนเองเป็นมะเร็งแน่หรือไม่ คุณหมอพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าใช่ ดิฉันจึงมาคิดว่าจะรักษาด้วยวิธีใด คนที่ต้องรับการรักษาคือตัวดิฉัน คนที่จะต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งก็คือตัวดิฉัน ดังนั้นดิฉันจะไม่มัวแต่ร้องไห้เพราะน้ำตาไม่สามารถช่วยแก้ไขอะไรได้ ดิฉันกลับบ้านพูดกับพี่ๆ และครอบครัว ทุกคนในบ้านต่างมีความทุกข์ไม่สบายใจ ตัวดิฉันเองก็ทุกข์ทรมานคิดแต่ว่าทำไมโรคนี้จึงเกิดกับเรา แต่ดิฉันก็จะลองรักษาทุกรูปแบบ
“คนที่จะต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง คือ ตัวดิฉัน ดังนั้นจะไม่มัวแต่ร้องไห้ เพราะน้ำตาไม่สามารถช่วยแก้ไขอะไรได้”
เนื่องจากเป็นมะเร็งในระยะที่ 2 แล้ว ก้อนเนื้อเต้านมออกมา 3 เซนติเมตร จะต้องผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด จากนั้นคุณหมอก็ทำการผ่าตัดก้อนเนื้อส่วนที่ไม่ดีออกจนหมด และตัดต่อมน้ำเหลืองไต้รักแร้ของฉันออกไป 5 ต่อม การผ่าตัดของฉันนับว่าราบรื่นดี เจริญอาหารดี แผลจากการผ่าตัดก็เริ่มหายดีแห้งสนิทไม่มีน้ำเหลืองไหลออกมา
หลังจากนั้น ฉันต้องรับเคมีบำบัดและฉายแสง โดยคุณหมอจะฉีดยาเคมี 4 ชุดเล็กและ 4 ชุดใหญ่ หลังจากให้เคมีชุดเล็กครั้งแรกฉันก็กลับบ้านไปพักฟื้น แต่หลังจากฉีดเคมีไปได้ 2-3 วัน ผลพวงจากฤทธิ์ของยาทำให้ฉันมีอาการแพ้อย่างหนัก ทั้งอาเจียน เบื่ออาหารเหม็นไปหมดแม้แค่ผ่านห้องครัว มีไข้ 39-40 องศา ต้องเช็ดตัวตลอดทั้งวัน เจ็บปากกลืนกินอะไรลำบากไปหมด นอนไม่หลับ ปวดเมื่อยล้า ไม่มีแรง เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา ความทรมานแบบนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกท้อถอยกับชีวิต ท้อถอยที่จะต่อสู้มาก ทุกคนในครอบครัวก็ทุกข์ไปด้วย
เพราะทุกคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดที่อยู่ข้าง ๆ ตลอดถึงกำลังใจ แม้เราจะอ่อนแอก็มีกำลังใจจากอีกหลายคนมาเสริม ความเป็นห่วงเป็นใยนี้เอง ทำให้พบกับสิ่งดี ๆ และสิ่งที่ช่วยดิฉันไว้มาก คือ เพื่อนพี่ชายได้ทราบข่าวจากโทรทัศน์เรื่อง “ยาน้ำสมุนไพรจีน” ซึ่งมีสรรพคุณในการต้านมะเร็ง ในรายการระบุว่ายานี้ได้ผ่านการทดลองทางคลีนิคจากแพทย์หลายท้องที่ยืนยันว่า “ยาจีน” มีประสิทธิผลในการต้านมะเร็ง เป็นยาตำรับจีนรักษาโรคมะเร็งที่บุกเบิกและผลิตด้วยเทคนิคที่ทันสมัย กอปรกับเพื่อนบางคนที่เคยดื่ม “ยาจีน” มาก่อนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าดื่มแล้วสุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก
หลังจากดื่ม “ยาสมุนไพรจีน” ผ่านไป 1 เดือน จึงช่วยบรรเทาอาการข้างเคียงของการให้เคมีบำบัดอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยโรคเดียวกันและเข้าโรงพยาบาลพร้อมกันแล้ว สุขภาพและการฟื้นไข้ของดิฉันจะเร็วกว่าคนอื่นมากทีเดียว สุขภาพของดิฉันแข็งแรงขึ้นไม่อ่อนเพลีย ในปากก็ไม่แห้ง ไม่อาเจียน รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทั้งยังเสริมกำลังวังชาและผิวพรรณดีอีกด้วย
หลายเดือนต่อมาหมอนัดตรวจ ผลเลือดดีขึ้น ก้อนเนื้อแห้งสนิทเป็นปกติ หมอบอกว่าไม่ต้องฉายแสงแล้ว ตอนนั้นดิฉันรู้เลยว่าทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนดีใจมาก คุณหมอเจ้าของไข้และบรรดาเพื่อนฝูงต่างตะลึงกับพลังชีวิตของฉันที่ดื่ม “ยาสมุนไพรจีน” ทำให้ฉันพิชิตโรคมะเร็งได้และมีสุขภาพที่แข็งแรง
การต่อสู้กับโรคมะเร็งนั้นเราต้องระวังการรับประทานอาหาร ต้องพยายามห้ามใจตนเองอาหารอะไรที่รับประทานไม่ได้ก็อย่าไปแตะเป็นอันขาด พยายามไม่รับประทานอาหารพวกเนื้อสัตว์และอาหารที่มีไขมัน ต้องรับประทานให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะถั่ว ผักและผลไม้ต่าง ๆ โดยรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกาย ถึงแม้ว่าดิฉันจะรู้ตัวดีว่าเป็นโรคที่ยากแก่การรักษาแต่ดิฉันก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา สุดท้ายนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กำลังใจจากครอบครัว ดิฉันผ่านพ้นมันมาได้ เพราะทุกคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดที่อยู่ข้าง ๆ ตลอดถึงกำลังใจ แม้เราจะอ่อนแอก็มีของอีกหลายคนมาเสริม ความเป็นห่วงเป็นใยนี้เอง ทำให้พบกับสิ่งดี ๆ ซึ่งจะทำให้เราพร้อมที่จะต่อสู้กับโรคร้าย และพร้อมจะให้เรากลับมาสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบหลังจากที่เราออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน
ดิฉันกลับมามีร่างกายแข็งแรง อารมณ์แจ่มใสอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อเลยว่าเคยผ่านโรคร้ายมาก่อน ดิฉันคิดว่าการที่ได้กำลังใจที่ดี และการรักษาโดยใช้ยาน้ำเทียนเซียนควบคู่เพื่อช่วยลดผลข้างเคียงของเคมีบำบัด ทำให้ฟื้นฟูสุขภาพเร็วกว่าคนอื่น วันนี้ ดิฉันจะบอกกับทุกคนเสมอว่า ถึงแม้ “มะเร็ง” จะเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษา แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้ มะเร็งก็ทำอะไรเราไม่ได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าไปกว่านั้น คือ ดิฉันไม่เคยถูกทอดทิ้งให้ต่อสู้เพียงลำพัง คนใกล้ชิด ครอบครัว ทุกคนเป็นคนที่ดิฉันต้องขอบคุณพวกเขามาก รวมไปถึงขอบคุณยาน้ำเทียนเซียน เพราะดิฉันจะผ่านพ้นการต่อสู้ครั้งใหญ่ในชีวิตมาไม่ได้เลย หากไม่มียาตัวนี้
ปัจจุบันดิฉันหันมาดูแลตัวเอง เริ่มจากการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ร่วมกิจกรรมกับชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งเพื่อได้รับความรู้ใหม่ ๆ และได้พบเพื่อน ๆ สมาชิก ตลอดปี พ.ศ. 2545-2546 หมอนัดตรวจสุขภาพแมมโมแกรมเต้านม โบนสแกนด์กระดูก ทำ MRI อุลตร้าซาวด์กระเพาะ ตับ ลำไส้ ม้าม ปอด ผลตรวจไม่พบเซลล์มะเร็ง ดิฉันยินดีและดีใจเป็นที่สุด แทบไม่น่าเชื่อเลยดิฉันคิดว่าเป็นผู้โชคดีที่รักษาจนสุขภาพแข็งแรง เหมือนกับดิฉันได้ถูกล๊อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง
ทุกวันนี้แม้จะรักษาหายเป็นปกติแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่ดิฉันระลึกอยู่เสมอคือ เราจะต้องมี “พลังชีวิต” ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงสม่ำเสมอ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และผักผลไม้มาก ๆ เนื้อสัตว์ทานบ้างแต่พอควร ของหมักดองจะไม่รับประทาน จะมีโทษต่อร่างกาย ทำให้ดิฉันพิชิตโรคมะเร็งได้ ทุกวันนี้ฉันยังคงดื่ม “ยาน้ำเทียนเซียนและรับประทานยาเม็ดเทียนเซียน” ยาซึ่งทำให้ฉันได้พบกับชีวิตใหม่ที่สดใสในโลกใบเก่าใบนี้
เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของ คุณภรณีรัตน์ ผดุงวรศาสตร์ เป็นมะเร็งเต้านมเมื่อปี 2000 ขณะนั้นมีอายุ 40 ปี ปัจจุบันอายุ 58 ปี
โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
อ่านต่อ >>
ยาน้ำเทียนเซียน
เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส
นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค
02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110