ปรึกษาผลิตภัณฑ์กับเรา

8 วิธี ต้านมะเร็ง แบบ ศาสตราจารย์ หวัง เจิ้น กั๋ว

25-Oct-2018     อ่าน : 1840 คน


 

8 วิธี ต้านมะเร็ง แบบ ศาสตราจารย์ หวัง เจิ้น กั๋ว

1. ใจบำบัด | รักษามะเร็ง ต้องรักษาใจเป็นลำดับแรก
การปฏิบัติต่อผู้ป่วยมะเร็งในช่วงแรก บุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ดูแลต้องใช้หลักใจบำบัด เพื่อขจัดปัญหาของผู้ป่วย อาทิ ความเครียด ความวิตกกังวล ความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว ความกลัว การต่อต้าน ความเสียใจ ความท้อแท้สิ้นหวัง ใช้หลักการรักษาใจก่อนรักษามะเร็งอย่างยืนหยัด ตัวอย่างวิธีเพื่อบำบัดด้านใจ ได้แก่ (1) การพูดคุย  (2) การปลอบใจ  (3) อารมณ์ขัน  (4) ให้คำแนะนำ 

2. การรักษาแบบจู่โจม | ผสมผสานแพทย์แผนจีนกับแพทย์แผนปัจจุบัน
    คือ การให้ยาหลากหลายทาง ทั้งยารับประทาน ยาฉีด ยาเหน็บ ยาติดแปะภายนอก เป็นต้น ในปริมาณยาที่มาก ให้ยาเข้าสู่กระแสเลือดในระดับเข้มข้นขึ้น เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง กลไกการรักษาแบบจู่โจม ช่วยให้ 

  • ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ของเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อลง 
  • เพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยกลืนกินเซลล์มะเร็ง
  • ทำลายเซลล์มะเร็ง ให้กลายเป็นก้อนแคลเซียม สลายตัว
  • ทำให้รอบก้อนมะเร็งเป็นพังผืด ยับยั้งการแพร่กระจาย
  • ลดการดื้อยาของเซลล์มะเร็ง
  • เร่งกระบวนการตายของเซลล์มะเร็ง (Apoptosis) ให้เร็วขึ้น
  • บรรเทาภาวะเบื่ออาหารและน้ำหนักลดในผู้ป่วยมะเร็ง (Cachexia)

การรักษาแบบผสมผสานนี้ มีรากฐานมาจากหลักการ “กำจัดสิ่งไม่ดีไม่ทำลายสิ่งดี ส่งเสริมสิ่งดีไม่ส่งเสริมสิ่งไม่ดี” ทำการแยกแยะวินิจฉัยโรคตามกลุ่มอาการ และการวางแผนการรักษาอย่างเป็นแบบแผน 


3. ขยายเวลาการรักษา | ป้องกันการเกิดซ้ำและแพร่กระจาย
หลังการผู้ป่วยมะเร็งเสร็จสิ้นการรักษาตามแบบแผนแล้ว ยังจำเป็นต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง หลังผู้ป่วยมะเร็งผ่าตัด ฉายรังสี เคมีบำบัด ควรต่อเนื่องด้วยการรักษาแบบแพทย์แผนจีนผสานแผนปัจจุบันตั้งแต่ต้น เพื่อป้องกันเกิดซ้ำและแพร่กระจาย ผู้ป่วยมะเร็งหลังผ่านการรักษาอาการของโรคสงบแล้ว อย่างน้อย 5 ปีขึ้นไป ยังต้องมีรักษาเพื่อป้องกันเกิดซ้ำและแพร่กระจาย ระหว่างการตรวจวินิจฉัยค่ามะเร็ง ควรเร่งการรักษาด้วยสมุนไพรจีน ถ้าผลตรวจไม่พบค่าความผิดปกติค่อยลดปริมาณการใช้ โดยทั่วไปผู้มีความเสี่ยงมะเร็งควรใช้สมุนไพรจีนเพื่อป้องกัน เดือนละ 10 วัน     

4. โภชบำบัด | ยาและอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน 
ปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน มีผู้คนมากมายเป็นมะเร็งเนื่องมากจากพฤติกรรมการบริโภค เช่น บริโภคถั่วขึ้นรามีสารอัลฟ่าท็อกซิน มีความเสี่ยงเกิดมะเร็งตับได้ มะเร็งหลังโพรงจมูกและมะเร็งกระเพาะอาหารมีความสัมพันธ์กับการบริโภคอาหารหมักดองอย่างชัดเจน ผู้ป่วยมะเร็งในช่วงฟื้นฟูสุขภาพ ควรหมั่นรับประทานอาหารต้านมะเร็ง อาทิ ผักสด ผลไม้ เลือดหมู กระเทียม เห็ดหอม เห็ดหูหนูดำ ไป่เหอ ถั่วต่าง ๆ มันเทศ เป็นต้น

5. ดนตรีบำบัด | อารมณ์ดีช่วยฟื้นฟูร่างกาย
การศึกษาวิจัยพบว่า การฟังดนตรีมีประโยชน์ต่อระบบลิมบิก (Limbic System) ในสมอง ระบบประสาทส่วนกลางของสมอง เยื่อหุ้มสมอง ทำให้การเคลื่อนไหวของอวัยวะภายใน อารมณ์และพฤติกรรม ทำงานประสานกันได้ดี ส่วนการร้องเพลงเต้นรำช่วยปรับปรุงด้านอารมณ์ ช่วยสร้างความสุขให้ผู้ป่วยส่งผลดีต่อการฟื้นฟูสุขภาพ ผู้ป่วยควรหาโอกาสชมการแสดงดนตรีสัปดาห์ละครั้ง ทุกวันหลังอาหารเย็นเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มเต้นรำ ร้องเพลง เป็นต้น  

6. กายบำบัด | ออกกำลังกายเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง

สนับสนุนให้ผู้ป่วยได้ทำกิจกรรมออกกำลังกายแบบแอโรบิค (อาทิ การเดินเร็ว การวิ่ง ว่ายน้ำ กระโดดเชือก เต้นแอโรบิก ถีบจักรยาน เต้นรำ เป็นต้น) ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบที่ต้องใช้อากาศหรือออกซิเจน หรือก็คือต้องหายใจในขณะที่กำลังออกกำลังกายเพื่อนำเอาออกซิเจนไปเป็นตัวช่วยในการเผาผลาญ รวมถึงการฝึกชี่กง เพื่อปรับปรุงสมรรถภาพร่างกาย โดยทำตามขั้นตอนดังนี้

  • ช่วงปรับให้เหมาะสม : เลือกสิ่งที่ตนเองสนใจแล้วลองปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญควรฝึกจิตใจไปพร้อมกับการออกกำลังกาย
  • ช่วงพัฒนาให้ดีขึ้น : จากการออกกำลังกายก่อนหน้า ค่อย ๆ เลือกให้แน่นอนเพียง 1-2 อย่าง ที่สนใจจริงและเหมาะกับสภาพร่างกาย 
  • ช่วงยืนหยัด : ในช่วงฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วย นอกจากออกกำลังกาอย่างเหมาะสมแล้ว ก็ต้องปฏิบัติจนเคยชินเป็นกิจวัตรประจำวัน 

ไม่กี่ปีมานี้ มีหลักฐานอย่างชัดเจนว่า นอกเหนือจากการรักษาแผนหลัก การรับออกซิเจนก็ให้ผลต่อการรักษามะเร็งอย่างชัดเจน 

7. ฟื้นฟูสุขภาพ | ผ่อนคลายอารมณ์ อบรมพัฒนา
เติมคุณค่าที่แท้จริงให้กับชีวิต โดย

  • ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผ่อนคลายอารมณ์ ทำให้ผู้ป่วยได้รู้สึกถึงความงดงามและคุณค่าของชีวิต
  • อบรมพัฒนา นำความรู้ไปปฏิบัติ พยายามเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้น เพื่อให้ร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณของผู้ป่วย มีความแข็งแรงอย่างแท้จริง 

8. มีเป้าหมาย | แสวงหาหนทางตอบแทนสังคม
กำหนดเป้าหมาย สร้างแรงจูงใจ ตลอดจนชี้นำ ให้ผู้ป่วยมะเร็งได้แสวงหาคุณค่าของชีวิต ตัวอย่างเช่น ตั้งแต่ปี 2010 องค์กรของ ศาสตราจารย์ หวัง เจิ้น กั๋ว ทำโครงการริบบิ้นส่งรัก (Color ribbon-pass love) ทุกปีได้ยกย่องคน 100 คน เป็นอาสาสมัครริบบิ้น ทุกคนเป็นผู้ที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง กระตือรือร้นที่จะอุทิศตนเพื่อสังคม ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยความรักนั้นได้ค้นพบคุณค่าที่แท้จริงของตนเอง มองโลกในแง่บวก ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจ

ศาสตราจารย์ หวัง เจิ้น กั๋ว 

ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งเจิ้นกั๋ว ปักกิ่ง
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาฉางไป๋ซาน มณฑลจี๋หลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน 

มีผลงานวิจัยสมุนไพรจีนโดดเด่น จนคว้าหลายรางวัลทั้งในและต่างประเทศ 

  • ปี 1989 ผลงานได้คว้ารางวัล "Premier Invention Prize" , "General Medal" และ "Knight Medal" จากเวทีประกวดผลงานวิจัยและนวัตกรรมนานาชาติ บรัชเซล ยูเรก้า ครั้งที่ 38 (The 38th Brussels Eureka World Invention Expo) ณ กรุงบรัซเซล เบลเยี่ยม 
  • รับรางวัล 1 ใน 10 คนรุ่นใหม่ของจีน
  • รางวัล 1 ใน 10 ผู้เป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
  • รางวัลผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นของจีน

 

 

ปรึกษาผลิตภัณฑ์

กรุณากรอกแบบฟอร์ม เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง


มะเร็งกับการดูแล

มะเร็งกับการรักษา

มะเร็งกับอาหาร

บริษัท เฟยดา จำกัด

โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

อ่านต่อ >>

ผลิตภัณฑ์ของเรา

ยาน้ำเทียนเซียน

เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส

นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค

ติดต่อเรา

02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110

Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.