ไม่มีใครรู้เรื่องราวในวันข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น  เหมือนกับชีวิตของผู้หญิงแกร่ง  ที่พร้อมสู้และทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ต้องมีมะเร็งเต้านมเข้ามาเป็นเพื่อนข้างกายที่ไม่อาจจะปฏิเสธ  แต่เมื่อใจพร้อมกายพร้อมที่จะเดินต่อนั้น  เธอกลับมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือบททดสอบชีวิตอีกขั้นที่ต้องการให้เธอทดสอบความสามารถในการอดทนเพื่อให้ผ่านไปได้  คุณ กาญจนี บุญมงคลรัศม์ หนึ่งในบุคคลที่ต้องพบเจอกับโรคมะเร็งเต้านม แต่วันนี้ชีวิตของเธอยังคงดำเนินไปได้อย่างดี

     “ดิฉันเป็นมะเร็งเต้านมมาระยะเวลา 5 ปี  ตอนที่ได้รับรู้ในตอนแรกนั้น ดิฉันรู้สึกตกใจ  และเสียใจว่ามันเกิดขึ้นกับดิฉันได้อย่างไร  เราเองก็ไม่คาดคิด  แต่คุณแม่ก็เป็นมาก่อน  แต่เชื่อว่าของอย่างนี้มันเป็นอะไรที่เราทำใจยากแล้วละค่ะ  ถ้าเกิดขึ้นกับใคร  ก็จะรู้สึกตกใจ  และรู้สึกสิ้นหวัง  เพราะมันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ   หลังจากนั้นก็ถามตัวเองว่าจะทำอย่างไรดี  กับสิ่งที่เกิดขึ้น “

     จากจุดเริ่มต้นที่เป็นช่วงวิกฤตของชีวิตนั้น   นอกจากการทำใจให้ยอมรับในสิ่งที่เกิดแล้ว  การวางแผนการรักษาที่เกิดขึ้นจากความกลัวและกังวลนั้น  ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เธอผ่านช่วงเวลานั้นไปได้  เธอวางแผนอย่างไร  และการตัดสินใจของเธอนั้นเรียกว่า เป็นความเด็ดเดี่ยวของลูกผู้หญิงคนหนึ่งเลยทีเดียว

     “ตอนที่พบเป็นระยะนั้นค่าอยู่ที่ระดับเริ่มศูนย์  ตอนนั้นทานฮอร์โมนอย่างเดียว  ก็ตามการวางแผนการรักษาของคุณหมอ แพทย์แผนปัจจุบันนั่นแหละ   มีการเจาะชิ้นเนื้อ ออกมาตรวจสี่ชิ้นก็มีปัญหา  เลยตัดสินใจที่จะตัดเต้านมเลยค่ะ  คือตอนนั้นเราไม่คิดแล้วค่ะเรื่องความสวยความงาม  ต้องเอาชีวิตของเราไว้ก่อนเท่านั้น ถือว่าเป็นความโชคดีที่ดิฉันเองนั้น  ไม่ใช่คนที่จะรักสวยรักงามมากนัก ก็เลยไม่คิดมากยอมที่จะตัดเต้านมออกไปซะ  เพื่อจะได้ไม่ลุกรามต่อไปนั่นเอง  ดีที่ไม่มีการทำคีโมค่ะ”

     เมื่อมีมะเร็งเข้ามาเป็นเพื่อน  นอกจากการรักษาที่จะได้ผลตามหลักทางการแพทย์  สิ่งที่ดีที่สุดอีกอย่างคือ  การดูแลจิตใจที่พร้อมจะต่อสู้กับโรคนี้อย่างดีที่สุด  เธอยึดหลักการทางธรรมะที่สอนให้เข้าใจสภาวะที่เกิดขึ้นกับ  กับตัวเธอเอง

     “ดิฉันใช้เวลาในการสวดมนต์ค่อนข้างเยอะ  คือมันช่วยเรื่องจิตใจมากกว่าค่ะ  แต่ก็เป็นเรื่องจำเป็นมากๆนะ  เพราะว่าใครที่เป็นโรคนี้ถือว่า เป็นอะไรที่เราต้องทำใจให้แข็งแรง มากขึ้นกว่าเดิม  เพราะเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่มีความแน่นอนค่ะกับการที่เราเป็นโรคนี้”

       “ทางด้านครอบครัวนั้นถือว่าจำเป็นมากๆ  เขาจะบอกดิฉันเสมอว่า ต้องสู้นะ  เคยเก่งเคยชนะก็ต้องชนะได้ตลอดซิ  แหม  แบบนี้กำลังใจมันก็มา  อยากบอกว่า มะเร็งนั้น เป็นอะไรที่ต้องมองมาทางครอบครัวเป็นสำคัญ  เพราะมันจะทำให้เรารู้สึกว่า  มีคนอยู่ข้างๆไม่โดดเดี่ยวและมีกำลังใจ อย่างดิฉันเองยังโชคดีที่เราไม่มีความทรมานอะไรมากนักนะคะ  เพราะว่าการรักษาอย่างที่บอกค่ะ”

     การค้นพบตัวยาและวิธีการรักษาที่แตกต่างออกไปนั้น  ถือว่าเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่เธอเลือกใช้ประกอบการรักษาโรคดังกล่าว

“ปัจจุบันก็มีการรักษาแนวทางแพทย์แผนปัจจุบันที่ต้องทานยาตามหมอสั่งตลอด   แต่ก็มาพบตัวยาสมุนไพรจีน ที่ดิฉันใช้ทานร่วมกับการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันค่ะ  ด้วยความที่ดิฉันจบมาทางด้านวิทยาศาสตร์  ก็เป็นอะไรที่เราพอจะเข้าในตัวเซลล์อะไรแบบนี้  คิดว่ามันต้องฆ่าเซลล์มะเร็งมันซิ  เลยวางใจตัวยาชนิดนี้  ทานตามแพทย์แผนจีนสั่งด้วย  ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจมากที่สุดค่ะถือว่าดีเลย   ผลทางการแพทย์ที่ตรวจพบนั้นก็เป็นอะไรที่ดิฉันพอใจมากค่ะ  ตอนนี้วางใจแล้ว  สบายใจขึ้นมากๆค่ะ”

     “ แต่เราก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น  ไม่ทานอาหารที่มีผลกับการส่งเสริมให้เป็นโรคนี้เลย  คือดูแลตัวเองมากๆค่ะ ดูแลอย่างดี  อาหารถุง  แบบนี้ไม่ทานแล้ว  ทำทานเอง  ออกกำลังกายควบคู่ เพราะมะเร็งก็ถือว่าเป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมเช่นกันนะที่ทำให้เราเป็นโรคนี้  ถึงแม้เรื่องของคนในครอบครัวจะเป็นมาบ้างดิฉันคิดว่า  มันเกี่ยวข้องกันหมดนะ”

     จากประสบการณ์ที่ต้องเจอนั้น ทำให้เธออยากที่จะบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้บุคคลอื่นๆได้ทราบ  การดูแลตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น ก่อนที่จะถึงวันที่สายเกินไปที่จะแก้ไข  เพราะเมื่อเรายังมีโอกาสที่จะแก้ไข  หรือดูแลตัวเองได้ก็คือสิ่งที่เราทุกคนต้องคำนึงถึงเป็นอันดับหนึ่ง!!!