26-Sep-2014 อ่าน : 4924 คน
ใจบำบัดสู้มะเร็ง ธรรมะดูแลใจ สมุนไพรดูแลกาย
ตามหลักแพทย์แผนจีนนั้นต่างลงความเห็นว่า “การรักษามะเร็ง หรือโรคชนิดใดก็แล้วแต่ สิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้น ที่จะก้าวไปถึงชัยชนะนั้น ต้องเริ่มที่ใจเป็นอันดับแรก“ ซึ่งตรงกับหลักการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ของผู้หญิงแกร่งอย่าง คุณ กิ่งฉัฐม์ มงคลสุขวัฒน์ ที่ต้องเผชิญกับโรคมะเร็งเต้านม มาจากสาเหตุของความเครียดที่สะสมอีกเช่นกัน แต่เธอผ่านมันไปได้ด้วยตัวยาและวิถีแห่งสายธรรม ที่หล่อเลี้ยงชีวิตให้ก้าวผ่านช่วงเวลานั้นไปได้
คุณกิ่งฉัฐม์ มงคลสุขวัฒน์ ปัจจุบันอายุนี้ 59 ปีแล้ว เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2555 ประมาณ 2 ปีก่อน ถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเต้านม ขนาดก้อนมะเร็งประมาณ 4 เซนติเมตร เท่าลูกมะนาว และมะเร็งลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง โดยสุ่มตรวจต่อมน้ำเหลือง พบมะเร็งถึง 8 ใน 9 ต่อม หมอวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะ 3 แล้ว นอกจากนี้ ยังเป็นมะเร็งชนิดที่ติดฮอร์โมน หรือมีความอ่อนไหวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่ร้ายไปว่านั้น เป็นมะเร็งที่ติดเฮอร์ทู (Her-2) หรือมียีนมะเร็งเฮอร์ทูเข้ามากระตุ้น ทำให้มะเร็งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดซ้ำสูง
“ตอนที่เราเริ่มเป็นนั้น พอคุณหมอบอกว่า เป็นระยะที่สาม เป็นมะเร็งเต้านม ซึ่งเราเองก็ไม่คิดว่าเราจะมีวันนี้นะคะ เพราะว่าครอบครัวเรานั้นไม่มีใครเป็นโรคนี้เลยค่ะ แต่สาเหตุที่เป็นนั้น มันมาจากความเครียด เมื่อก่อนนั้นเราเจอสภาวะที่ต้องดูแลคุณแม่ ที่เป็นอัมพฤก ต้องดูแลท่านเราเองก็เครียดไม่กิน ไม่นอน พาท่านไปรักษา ซึ่งเรามองว่านั่นคือสาเหตุที่ทำให้เราเจอกับโรคนี้แน่นอนค่ะ ความเครียดสะสมมันไม่ดีเลย”
คุณกิ่งฉัฐม์ รีบตัดสินใจการรักษาด้วยการผ่าตัดทั้งเต้า จากนั้นเข้ารับเคมีบำบัด ฉายรังสี ร่วมกับการใช้แพทย์ทางเลือก ใช้เวลารักษาประมาณ 1 ปี จนปัจจุบันนี้ไม่พบเซลล์มะเร็ง จากประสบการณ์ที่พานพบมา 2 ปีกว่า คุณกิ่งฉัฐม์ ขอแบ่งปันเรื่องราวอันประโยชน์ให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งทุกคน
ดิฉันพบก้อนด้วยตนเองก่อนในครั้งแรก คิดว่ามันคงเป็นเนื้องอกไม่เคยคิดถึงมะเร็ง จึงไม่ได้สนใจมันมาก ยังปล่อยไปเรื่อยๆ แต่ปรากฏว่าก้อนเริ่มใหญ่ขึ้น แล้วเรายังรู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติจึงไปพบแพทย์ ตอนนั้นความที่รู้แล้วว่าเรามีก้อนนี้อยู่จึงไม่วิตกกังวลมาก ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นอะไรร้ายแรง
พอไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าแพทย์ตกใจ เขาบอกว่า อุ๊ย! ทำไมใหญ่อย่างนี้ ปล่อยให้อยู่อย่างนี้ได้ยังไง หมอเลยรีบผ่าตัดเล็กดู และบอกกับดิฉันว่าน่าจะเป็นมะเร็งขั้นเริ่มต้น ดิฉันก็ไม่ตกใจเท่าใดนัก บอกให้หมอรีบตัดก้อนนี้ออกไปเลย แต่พอจะตัดเข้าจริงๆ ก้อนมันใหญ่เกินไป ต้องผ่าตัดเอาทั้งเต้าออกไปด้วย ดิฉันจึงต้องเข้าผ่าตัดอีก 1 สัปดาห์หลังจากนั้น
แม้รู้ว่าเป็นมะเร็ง แต่ดิฉันก็ไม่ได้ตกใจมาก มีความรู้สึกว่าเราอยู่มาก็ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าแล้ว อะไรจะเกิดก็ไม่เป็นไร เราจะไปเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ดิฉันไม่กลัวกับความตาย แต่ขออย่างเดียวว่าหากยังต้องอยู่ ขออย่าให้อยู่แบบทรมาน
“ตอนที่ทราบนั้นจุดเริ่มต้นการรักษา คือหมอบอกว่า ต้องทำคีโมแปดเข็ม และอื่นๆตามแบบของคนที่เป็นมะเร็ง ซึ่งเราเข้าใจและรู้สึกว่ามันแย่ แต่ใจต้องมาก่อนนะคะ เพราะว่าเราเป็นแล้ว ทางรอดของเราคือการรักษาเท่านั้น ซึ่งจบการรักษาไปเมื่อปี 2556 รวมถึงการผ่าตัดด้วยที่เราต้องทำ เรียกว่าเราผ่านกระบวนการรักษามาแล้วทุกอย่าง”
หลังจากผ่าตัดเสร็จ คุณหมอด้านเคมีบำบัดก็เข้ามาหาถึงห้องพักผู้ป่วย แล้วแจ้งว่าคุณเป็นระยะ 3 แล้วนะ ไม่ใช่ระยะเริ่มต้นอย่างที่เข้าใจตั้งแต่แรก เราต้องรักษาด้วยเคมีบำบัด 8 ครั้ง ฉายแสง 25 ครั้ง ตกลงคุณจะทำไหม ซึ่งดิฉันรีบตอบตกลงทำตามแผนการรักษาทันที
หลังจากผ่าตัด 45 วัน ดิฉันจึงเริ่มรับเคมีบำบัด ใน 4 เข็มแรก เป็นยาที่ฉีดเข้าเส้นก็ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดทรมานนัก แต่พอเข็มที่ 5 เริ่มเปลี่ยนเป็นยาให้แบบหยดเหมือนให้น้ำเกลือ ตอนนั้นรู้สึกทรมานไปหมด มันจะปวดข้อ ปวดทั่วตัว แม้แต่จะเดินเหินเหยียบเท้าลงไปก็ยังเจ็บเท้า ไม่มีแรงยืน ไม่มีแรงจะเดิน กินอะไรแปลกๆ หน่อยก็ท้องเสีย เช่น วันหนึ่งอยากกินขนมจีน มาก พอกินเข้าไปหน่อยก็ท้องเสียทั้งอาทิตย์ ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำทุก 15-20 นาที
ช่วงที่ไม่สบายจากอาการข้างเคียงของเคมีบำบัด ดิฉันมักจะดูแลแก้ไขด้วยตนเอง จุดนี้ไม่อยากแนะนำให้ผู้ป่วยท่านใดทำตาม เพราะเราไม่ได้มีความรู้ที่ถูกต้องเพียงพอ บางครั้งแก้เองได้ก็ถือว่าโชคดีไป แต่บางครั้งมันแก้ไม่ได้จะเป็นผลเสียมากต่อสุขภาพ เช่น ดิฉันตอนท้องเสียก็หายาฆ่าเชื้อกินเอง ไม่หายก็กินน้ำชา ผลคือหายท้องเสีย แต่พอไปพบคุณหมอก็โดนคุณหมอดุ และบอกว่าหากผู้ป่วยท้องเสียระหว่างเคมีบำบัด ควรไปพบแพทย์กรณีฉุกเฉิน อย่าไปกินยาเอง แล้วที่ผู้ป่วยไปกินน้ำชาตลอดทั้งสัปดาห์เพื่อลดอาการท้องเสีย แต่ผลที่ตามมา คือ เลือดจาง
ระหว่างการรักษาหมอแนะนำให้ดิฉันกินทุกอย่าง เพื่อรักษาน้ำหนักตัว ดิฉันก็พยายามทำตามที่หมอแนะนำ ทำให้น้ำหนักไม่ลดระหว่างรักษา และโชคดีที่ระหว่างรักษาช่วงหลัง มีคนรู้จักคนหนึ่งแนะนำให้ดิฉันใช้ยาจีน
สิ่งที่ทำให้ค้นพบว่าสมุนไพรจีนนั้นดี และน่าจะมีผลตอบรับที่ดีกับร่างกาย คือการได้รับคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์การใช้แล้วหาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางการรักษาที่เธอตัดสินใจเลือก
“ต้องบอกก่อนว่า การทำคีโมแต่ละครั้งนั้น มันก็ส่งผลกับร่างกายเรามากที่สุด ทั้งอาเจียน เหม็นเบื่อทุกอย่าง ผมร่วง เบื่ออาหาร ทุกอย่างคนที่เป็นโรคนี้จะทราบดีว่าเป็นอย่างไร เรียวแรงหายหมด เหนื่อยง่ายมากๆ แต่พอเราทานยาสมุนไพรจีนมันดีขึ้นนะ ทานคู่กันค่ะ เวลาที่ไปทำคีโม จะมีการวัดเลือดต่างๆ บางคนอาจจะมีปัญหา แต่เราไม่มีปัญหาเลย คือผ่านตลอดทุกครั้งเวลาที่เราไปทำคีโม"
“สิ่งที่ดีอีกอย่างคือ วันตรุษจีน ต้องทำความสะอาดบ้านเชื่อมั๊ยว่า เราทำได้แบบไม่เหนื่อยง่ายเลย แข็งแรงผิวพรรณเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สุขภาพดีขึ้นมากว่าเดิม จนจบการรักษากับหมอปัจจุบัน เราก็มั่นใจว่าเราหายแล้ว ใช้เวลาทานสมุนไพรตัวนี้ 2 ปีนะคะ ที่ทานร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบันค่ะ หยุดจริงๆก็ตอนปี 2558 อาการที่เคยเจอไม่มีเลยค่ะ สบายมากๆ คืออยากจะอธิบายว่า ทุกครั้งที่เราทำคีโมแต่ละเข็ม นั้นจะมีผลข้างเคียง แต่เราทานยาจีน ควบคู่ ทำให้ผลดีคือเราไม่มีอาการที่กล่าวมาข้างต้นเลย ผลเลือดก็โอเค มันเหมือนกับว่าตอนนั้นเราเดินมาถูกทางแล้ว ใจเราก็ดีขึ้น อันนี้เราเชื่อว่าสำคัญมากๆ”
ดิฉันกิน 3 ขวด (60ซีซี) ต่อวัน รู้สึกว่าทุกครั้งที่ไปรับการรักษา ขณะที่คนอื่นไม่ไหว ปากเป็นแผล กินข้าวไม่ได้ แต่เราทำทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีตลอดการรักษา เราไม่ทรมาน เราไม่ปวดเมื่อย กินอาหารได้ปกติ มีแรง จบการรักษาโดยไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เราเจอเพื่อนๆ ผู้ป่วยที่โรงพยาบาล เห็นเขาทรมานก็เห็นใจมากและแนะนำให้พวกเขาลองใช้ยาสมุนไพรจีน
หลังจากจบเคมีบำบัดและฉายรังสี ดิฉันไม่พบเซลล์มะเร็งแล้ว แต่เนื่องจากเป็นเซลล์มะเร็งที่ติดฮอร์โมน ดิฉันต้องใช้ยาต้านฮอร์โมนต่อเนื่อง 5 ปี ส่วนยาต้านยีนมะเร็งเฮอร์ทูไม่ได้ใช้ แต่ใช้ยาจีนต่อเนื่องเพื่อดูแลสุขภาพ รู้สึกแข็งแรงดี ตรวจติดตามผลครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนกันยายน 2557 ผลเป็นปกติ
เมื่อเดินมาถูกทาง และเชื่อว่ารอดพ้นจากนาทีชีวิตเหล่านั้น สิ่งที่ผู้หญิงแกร่งคนนี้อยากทำคือ การให้กำลังใจกับผู้ป่วยด้วยโรคนี้กับคนอื่นๆ และเธอเองมีเคล็ดลับที่อยากกล่าวเสริม คือเรื่องของธรรมะที่สอนใจ และดูแลใจควบคู่กับช่วงเวลาที่เธอต้องเดินทางร่วมกับ มะเร็ง
“ใช้ธรรมะค่ะเข้ามาช่วย เราเรียนวิปัสสนากรรมฐาน เราก็เอามาสอนใจตัวเราเองว่าเราควรทำอะไร ปล่อยวางอย่างไร ใช้เรื่องเหล่านี้มาช่วย อย่างตอนที่เราปวดตัว มันเจ็บไปหมด และต้องเผชิญกับโรคนี้ เราก็ชอบสวดมนต์ มันช่วยได้ในเรื่องใจ เพื่อให้เราผ่านไปได้ และอยากบอกคนอื่นเสมอว่า ธรรมะเข้ามาช่วยดีมากๆค่ะ อย่างน้อยใจเราก็เข้มแข็งมากๆ มันช่วยให้เราปล่อยวางได้ สวดบ่อยๆเถอะค่ะ ดีมากๆ เราก็แนะนำคนที่เป็นมะเร็งนะว่าควรทำอย่างไร เพราะเราเชื่อว่าใจนี่แหละสำคัญ บวกกับการที่เรามียาดีก็เอามาใช้ร่วมกันค่ะ”
เคล็ดลับในการต่อสู้มะเร็งหรืออยู่กับมะเร็งอย่างมีความสุข ดิฉันคิดว่าจิตใจเราสำคัญที่สุด เราต้องเข้มแข็งแล้วก็สู้กับมันให้ได้ กำลังใจจากคนรอบข้างก็สำคัญ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่เครียด เรามีปัญหาอะไรหรือเป็นอะไรก็แก้ไขตามขั้นตอน อย่ามีอารมณ์กับทุกสิ่ง อย่ากังวล
สุดท้ายอยากจะให้ฝากกำลังใจให้ผู้ป่วยทุกคน ทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ตัวเราต้องสู้ และแสดงให้ทุกคนเป็นถึงความตั้งใจที่จะอยู่รอดของเรา ให้เห็นว่าเราตั้งใจที่จะหายจากความเจ็บป่วย พอเป็นอย่างนี้แล้วคนรอบข้างเห็น พวกเขาก็จะพยายามหาความสุขมาให้เราเอง ดิฉันขออวยพรให้ทุกคนรอดและสุขกับมะเร็งไปด้วยกัน
โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
อ่านต่อ >>
ยาน้ำเทียนเซียน
เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส
นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค
02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110