ปรึกษาผลิตภัณฑ์กับเรา

มะเร็งปากมดลูกข่าวร้ายที่สุดในชีวิตฉัน เรื่องราวของ คุณประทุม วงษ์วันทนีย์

04-Mar-2013     อ่าน : 6870 คน


มะเร็งปากมดลูกข่าวร้ายที่สุดในชีวิตฉัน

 

คุณประทุม วงษ์วันทนีย์ ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก

      ฉันได้รับข่าวร้ายที่สุดในชีวิต ว่าฉันเป็นมะเร็งมดลูก ลูกชายฉันที่ไปฟังผลตรวจชิ้นเนื้อด้วยกัน นั่งนิ่งงงพูดอะไรไม่ออก ส่วนฉันชาไปหมดทั้งตัว คนเรารวมคำว่ามะเร็งกับความตายมานานจนแยกไม่ออก เพราะคนเป็นมะเร็งส่วนใหญ่จะตายเกือบทั้งหมด สำหรับฉันเมื่อรวบรวมสติได้ระดับหนึ่ง ก็ถามหมอที่ โรงพยาบาลประจำจังหวัดประโยคเดียวว่า ระยะที่เท่าไร หมอบอกว่ายังตอบไม่ได้ ต้องตรวจอีกหลายขั้นตอน และหมอจะส่งคุณไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่ ที่มีเครื่องมือครบกว่านี้ เนื่องจากมีคนพากันหลั่งไหลไปรักษาที่โรงพยาบาลใหญ่มากมาย การตรวจแต่ละขั้นตอนของฉันจึงช้ามาก

      จริง ๆ แล้ว ฉันเป็นคนดูแลตัวเองอยู่เสมอ ฉันตรวจภายในและตรวจมะเร็งเต้านมทุก ๆ 6 เดือน แต่คงจะเป็นกรรมเวรอะไรของฉัน ทำให้หมอไม่เห็นก้อนเนื้อร้ายซึ่งใหญ่ถึง 4 เซนติเมตรกว่า ๆ นี้ไปได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนตรวจฉันก็บอกหมอว่า มีเลือดออกจาง ๆ อยู่ 2-3 เดือนแล้ว หมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งก็บอกว่าปกติไม่มีอะไร จนกระทั่งมีเลือดออกมากเป็นวงใหญ่สีแดงสด ฉันจึงเปลี่ยนโรงพยาบาล มาตรวจชิ้นเนื้อที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด จึงทราบผลว่าเป็นมะเร็ง คราวนี้ฉันจะทำอย่างไรดี ตั้งสติ นี่เป็นคำที่ทุกคนที่เป็นโรคนี้ควรจะนึกถึง การร้องไห้ตีโพยตีพาย และความกลัวตาย จะยิ่งทำให้ได้ตายสมใจเร็วขึ้น ฉันเคยอ่านหนังสือ และฟังเกี่ยวกับโรคนี้มาบ้างว่า คนเป็นระยะแรก ๆ แต่ความที่กลัวมาก ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทำให้โรคที่เป็นน้อยก็เป็นมากขึ้น เพราะร่างกายอ่อนแอลงทุกวัน จนไม่มีพลังจะต่อสู้ แต่มีบางคนที่เป็นระยะสุดท้ายแต่มีสติ รวบรวมกำลังกายกำลังใจลุกขึ้นสู้ จนชนะโรคร้ายก็หลายต่อหลายรายที่หายได้ ตอนนั้นฉันยังไม่เคยรู้จักยาน้ำสมุนไพรจีน จึงคิดว่าการรักษามะเร็งก็มีเพียง 3 วิธี คือ ฉายแสง เคมีบำบัด และฝังแร่ และแต่ละวิธีนั้นทำลายระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทั้งเซลล์ดีหรือร้ายก็จะถูกทำลายทั้งหมด ฉันอายุ 56 ปี ร่างกายฉันจะทนทานรับการรักษาได้หรือไม่ยังเป็นปัญหา

      แต่ที่แน่ ๆ คือ ฉันมีเพื่อนร่วมงานที่แสนดี ส่วนใหญ่เป็นรุ่นน้อง พอรู้ว่าฉันเป็นโรคร้ายก็มารับตารางสอนของฉันไปแบ่งกันสอน เพื่อให้ฉันพักรักษาตัวอย่างเต็มที่ บ้างก็หาวิกผมมาให้เผื่อไว้ว่าฉันอาจต้องใช้ตอนผมร่วง หลายคนโทรศัพท์มาให้กำลังใจ หาอาหารเสริมมาให้ทาน หาหนังสือธรรมะ และหนังสือเกี่ยวกับมะเร็ง รวมทั้งเทปอาหารชีวจิตและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้อ่านให้ฟัง ฉันรู้สึกซาบซึ้งในไมตรีจิตเหล่านี้ยิ่งนัก นี่ถ้าฉันไม่ป่วย ฉันจะไม่รู้เลยว่า ฉันมีเพื่อนที่รักและเอื้ออาทรต่อฉันถึงเพียงนี้ ยิ่งคนในครอบครัว สามีฉัน ลูกชายฉัน 3 คน พี่สาว พี่เขย น้องชาย น้องสะใภ้ และหลาน ๆ พอรู้ข่าวก็ตกใจ และห่วงใยฉันมาก จนฉันผู้เป็นคนป่วยต้องบอกทุก ๆ คนว่า ให้ทำทุกอย่างตามปกติ ฉันเองก็พยายามทำใจอย่างสุดความสามารถ ทั้ง ๆ ที่ทุกข์ ท้อ ทรมาน ทั้งกายทั้งใจ ก็ต้องไม่แสดงออกมา ลูกฉัน 2 คนโต ขับรถไปทำงานทั้งคู่ ฉันกลัวว่าลูกจะเกิดอุบัติเหตุจากการคิดมาก นอนไม่หลับ เป็นแม่นั้นยากจริง ๆ ป่วยเพียงใดก็ต้องอดทน ถ้าแม่แสดงความอ่อนแอออกมา ลูก ๆ และสามีก็จะไม่เป็นอันทำการทำงาน ผลเสียก็จะเกิดตามมาอีกมากมาย 

      จากนั้นฉันก็ได้รับทราบซ้ำเป็นครั้งที่สอง จากโรงพยาบาลใหญ่ว่า ฉันเป็นมะเร็งมดลูกแน่นอน ในวันนั้นฉันได้รับการส่องกล้อง ดูว่ามะเร็งได้ลามไปที่กระเพาะปัสสาวะและลำไส้ใหญ่หรือยัง ปรากฏว่าฉันโชคดีที่มันยังอยู่แค่ที่ปากมดลูก หมอเขียนชนิดเนื้อร้ายของฉันว่า Ca Cx.IIa นั่งคือฉันเป็นระยะที่ 2 ต้น ๆ ระยะที่ 1 จะจบลงที่ก้อนเนื้อขนาด 3 เซนติเมตร แต่ของฉัน 4 เซนติเมตรกว่า มีบางคน 6-8-11 ซึ่งนั่นก็จะยิ่งรักษายากขึ้นตามลำดับ ขนาด 4 เซนติเมตร ฉันก็ใจไม่ค่อยดีแล้ว รู้สึกว่ามันใหญ่มากเหลือเกิน ขั้นตอนต่อไปหมอนัดฉีดสี เป็นขบวนการยาวนานใช้เวลาค่อนวัน เพราะต้องรอให้สีเดินทางไปเรื่อย ๆ และฉาย x-ray เป็นระยะตามทางที่สีเดินไปว่ามันไปสะดุดที่อวัยวะใดบ้าง นั่นคือจะดูการทำงานของตับไตไส้พุง จนลงไปถึงกระเพาะปัสสาวะ ฉันเหนื่อยเพราะต้องอดน้ำ อดอาหารยาวนาน เมื่อจบสิ้นขบวนการก็แทบเป็นลม

      เมื่อการรักษาสัปดาห์แรกผ่านไป ฉันฉายแสงไป 5 ครั้งแล้ว และได้รับยาเคมีบำบัดฉันเข้าเส้นไป 1 เข็ม ร่างกายฉันเริ่มออกอาการไม่ทนต่อแสงและยา มันคลื่นไส้ปั่นป่วนไปหมด กลับจากโรงพยาบาลก็เข้าห้องน้ำถ่ายวันละ 7-8 ครั้ง ปากเริ่มแห้ง มีตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นที่เหงือก และเริ่มมีอาการริดสีดวงทวารที่ฉันเป็นอยู่แล้วเล็กน้อย ขณะนี้มันกำเริบเพราะถ่ายบ่อยครั้ง ทุกข์ทรมานมาก อาการทั้งหมดนี้ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็น เพราะก่อนรักษา หมอก็ให้เอกสารมาอ่านผลข้างเคียง แต่ฉันไม่นึกว่ามันจะรุนแรงเท่านี้ ฉันเริ่มคิดเรื่องทางเลือกใหม่ที่จะรักษาตัวเอง จะมีวิธีใดอีกไหมที่ฉันไม่ต้องทรมานจากผลข้างเคียงนี้ ฉันเริ่มให้ลูกชายค้นเรื่องมะเร็งปากมดลูกในอินเตอร์เน็ต พร้อมกับเริ่มค้นหนังสือที่กองอยู่ข้างตัว ในบรรดาหนังสือทั้งกอง มีเล่มหนึ่งสะดุดตามากชื่อ “ทางเลือกใหม่เพื่อพิชิตโรคมะเร็ง” คนที่ยืมมาให้ฉันอ่านคือลูกศิษย์ ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์บรรณรักษ์หอสมุดสถาบันราชภัฎที่ฉันทำงานอยู่นั่นเอง ฉันค่อย ๆ อ่านหนังสือเล่มนี้อย่างละเอียดทุกตัวอักษร อ่านประวัติคุณหมอหวัง เจิ้น กั๋ว ผู้คิดค้นตัวยารักษามะเร็ง ด้วยความชื่นชมในความอุตสาหะ วิริยะของท่าน จากเด็กจน ๆ คนหนึ่งในหมู่บ้านกันดาร เก็บสมุนไพรบนหุบเขาฉางไป๋ซานมาศึกษาวิเคราะห์รักษาคนในหมู่บ้าน จนมีชื่อเสียงได้รับรับเลือกไปเรียนแพทย์แผนปัจจุบัน เมื่อจบแล้วก็ใช้เวลาอีกนับสิบ ๆ ปี รวบรวมสมุนไพรที่รู้จักมาคัดสรรทดลอง จนได้ยาเม็ดสมุนไพรจีนรักษาโรคมะเร็งสำเร็จ ผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขประเทศจีน อีก 4 ปีต่อมา ก็ผลิตเป็นยาน้ำสมุนไพรจีนนัมเบอร์ 1 ทั้งหมดนั้นใช้เวลาตั้งแต่ปี 2518 ถึง 2534 เกือบ 20 ปี ที่ชีวิตคน ๆ หนึ่งทุ่มเท ศึกษาเรื่องเดียวคือยารักษามะเร็ง ฉันอ่านไปก็นึกถึงภาพไปตามตัวอักษร เห็นภาพคุณหมอวัยเด็ก เดินท่อม ๆ ตามคนแก่ในหมู่บ้านไปเก็บสมุนไพร นึกถึงภาพตอนท่านเป็นนักศึกษาแพทย์ และท้ายสุดก็คือภาพที่ท่านนั่งคร่ำเคร่งกับการคัดเลือกสมุนไพร จาก 300 กว่าตัว ลงมาจนเหลือ 30 กว่าตัว ที่นำมาปรุงรวมกันกับสารคัดหลั่งของหมีที่ต้องเลี้ยงเองบนภูเขา กว่าจะได้ตัวยามารักษาโรคมะเร็งนั้น มันต้องยุ่งยากเหน็ดเหนื่อยเพียงใด

      ฉันเป็นอาจารย์ รายรับต่อเดือนไม่พอจะซื้อยาตัวนี้มารับประทาน ยา 1 ชุด รับประทานได้ 20 กว่าวันนั้น ราคาเกินเงินเดือนของฉันเสียอีก ฉันจึงต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับยาตัวนี้อย่างละเอียดก่อนจะซื้อ ฉัน e-mail ถึงเพื่อนที่อยู่เมืองจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ให้ช่วยศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับยาตัวนี้ให้ฉันที ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการจัดจำหน่าย บริษัทแม่ตั้งอยู่ที่นั่น คำตอบที่ได้รับสร้างความมั่นใจให้ฉันเป็นอย่างยิ่ง เพราะยาตัวนี้ได้ทดลองทางคลินิคไม่เฉพาะที่ประเทศจีนเท่านั้น ในปี 2531 ได้รับการยืนยันผลการทดลองที่ศูนย์มะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาว่า อัตราการเห็นผลเท่ากับในจีน คือ 80% ส่วนตัวคุณหมอหวังเอง ก็ได้รับเชิญจากศูนย์มะเร็งทั้งที่อเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ให้ไปพูดเรื่องยาตัวนี้ หลายต่อหลายครั้ง

      ราวกับปาฏิหาริย์ ฉันทานไปได้แค่ 2 สัปดาห์ คุณหมอที่รักษาฉันก็ถามว่า คุณไปทานยาอะไรหรือเปล่า ทำไมก้อนเนื้อเล็กลงไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว แค่ฉายแสงไป 10 กว่าครั้ง ให้ยาเคมีบำบัด 2 เข็ม และฝังแร่ 1 ครั้ง ไม่น่าจะยุบลงเร็วเท่านี้ ฉันไม่กล้าบอกหมอว่าฉันทานยาจีน เพราะก่อนจะทำการรักษาฉันก็เคยถามหมอครั้งหนึ่งแล้วว่า ฉันจะทานยาจีนควบคู่ไปกับการรักษาได้หรือไม่ หมอบอกฉันว่ารักษาหมดคอร์สแล้วค่อยเริ่มทาน แต่ฉันขัดคำสั่งหมอ เพราะผลข้างเคียงจากการรักษาของหมอ มันมากจนฉันไม่อาจทนได้ หลังการทานยาจีน อาการคลื่นไส้ก็ลดลง ฉันไม่เคยอาเจียนอีกเลย อาการถ่ายท้องมีบ้างพอทนได้ ริมฝีปากฉันไม่แห้ง ไม่มีเม็ดขึ้นที่เหงือก ผมไม่ร่วง ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทานอาหารได้มากขึ้น ทุกวันฉันแต่งตัวออกจากบ้านไปโรงพยาบาลเพื่อรักษา คนที่พบเห็นฉันมักจะพูดว่า ฉันดูไม่เหมือนคนป่วยเลย ดูหน้าตาสดชื่นแจ่มใสเหมือนคนปกติ ฉันได้แต่ขอบคุณยาจีนอยู่ในใจ

      เมื่อจบสิ้นการรักษา คือ ฉายแสง 25 ครั้ง ให้ยาเคมี 6 เข็ม และฝังแร่ 4 ครั้ง หมอก็นัดตรวจ เพื่อน ๆ ร่วมกลุ่มที่รักษาพร้อมฉัน ไม่มีใครเลยที่จะได้ผลเท่าฉัน คนอื่น ๆ ออกจากห้องตรวจจะพูดว่า หมอบอกก้อนมะเร็งยังอยู่อีก 40% 50% หรือ 60% ยาและรังสีจะอยู่ในตัวเรา รักษาต่อไปอีก 3 เดือน หวังว่าจะค่อย ๆ เล็กลง สำหรับฉันนั้น ลงทายดูซิว่าหมอพูดว่าอย่างไร หมอบอกว่ารับรองหาย 90% เพราะเหลือจุดแดง ๆ เล็ก ๆ ไม่เป็นก้อนมะเร็งแล้ว จากก้อน 4 เซนติเมตร เหลือจุดแดงเท่าปลายนิ้วก้อยได้อย่างไรในเวลา 2-3 เดือน ยาจีนช่วยชุบชีวิตฉันแน่ ปัจจุบันฉันยังทานยาเม็ดเบอร์ 7 อยู่เสมอ และคิดว่าคงจะต้องทานต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ กันไว้ไม่ให้ก้อนมะเร็งโต

      อีกหนึ่งเดือนถัดจากนั้น หมอนัดตรวจทุกคน ฉันพบเพื่อนบางคนพร้อมกับรับฟังข่าวไม่สู้ดี เพราะก้อนเนื้อของหลายคนโตขึ้นมาอีก สำหรับฉันหมอบอกว่าจุดแดง ๆ นั้นหายไปแล้ว มะเร็งหายไปจากตัวฉันแล้ว เหลือเชื่อจริง ๆ ขอบคุณยาจีนที่ชุบชีวิตฉันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนใหม่ที่ให้เวลาดูแลตนเอง โดยยึดหลัก 4 อ. คือ
     1. อาหาร  ต้องสะอาดปราศจากสารพิษทุกชนิด
     2. อากาศ  ต้องหายใจรับอากาศบริสุทธิ์
     3. อารมณ์  ต้องแจ่มใส ไม่เครียด เพราะความเครียดเป็นบ่อเกิดของโรคหลายชนิด
     4. ออกกำลังกาย  ต้องมีวินัยในการออกกำลังกายทุกวัน หรือ อย่างน้อย 3 วันใน 1 สัปดาห์

     ฉันตั้งใจจะปฏิบัติตาม 4 อ.อย่างเคร่งครัด ให้สมกับที่ได้ชีวิตใหม่กลับมา และทุกครั้งที่ฉันรู้ว่าใครเป็นโรคมะเร็ง ฉันจะไม่รีรอที่จะแนะนำให้รีบซื้อยาจีนมารับประทาน ก่อนที่โรคจะลุกลาม

บทบาทของยาสมุนไพรจีนกับมะเร็งปากมดลูก
     หลักการรักษาด้วยยาจีนนั้นแตกต่างจากการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน ยาแผนปัจจุบันมุ่งฆ่าทำลายเชื้อที่ก่อให้เกิดโรค แต่ยาจีนนั้นมุ่งฆ่าทำลายสิ่งที่แอบแฝงอยู่เบื้องหลังเชื้อโรค ซึ่งก็คือต้นเหตุ(รากเหง้า)ของการเกิดโรค จึงต้องใช้ตำรับยาที่ประกอบด้วยสารสกัดจากตัวยาจีนหลากหลายชนิด มีตัวยาจีนบางชนิดออกฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง แต่สำหรับผู้ป่วยมะเร็งแล้ว ไม่เพียงแต่ต้านมะเร็งอย่างเดียว ยังต้องคำนึงถึงสภาพโดยรวมทั่วร่างกาย ต้องเสริมปรับอวัยวะที่อ่อนแอในร่างกายไม่ว่าจะเป็นตับ ไต ม้าม กระเพาะอาหาร ต้องกระตุ้นการไหลเวียนของพลังและเลือด ขับร้อนถอนพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย เพื่อยกระดับภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น ซึ่งบทบาทเหล่านี้มีอยู่ในยาน้ำเทียนเซียนด้วย

 

ปรึกษาผลิตภัณฑ์

กรุณากรอกแบบฟอร์ม เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Tag ที่เกี่ยวข้อง

ยาน้ำเทียนเซียน สมุนไพรจีน มะเร็งปากมดลูก

รีวิวผู้ใช้

มะเร็งกับการรักษา

มะเร็งกับการดูแล

บริษัท เฟยดา จำกัด

โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

อ่านต่อ >>

ผลิตภัณฑ์ของเรา

ยาน้ำเทียนเซียน

เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส

นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค

ติดต่อเรา

02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110

Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.