รู้จักมะเร็งช่องปาก ภัยร้ายในช่องปาก

06-Oct-2015 อ่าน : 4185 คน

รู้จักมะเร็งช่องปาก ภัยร้ายในช่องปาก

มะเร็งช่องปาก เป็นโรคร้ายแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้กับอวัยวะทุกส่วนในช่องปาก รวมไปถึงริมฝีปาก เหงือก ลิ้น กระพุ้งแก้ม เพดานปาก ใต้ลิ้น ต่อมทอนซิล และบริเวณลำคอ มักพบบ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และพบมากในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

สาเหตุของมะเร็งช่องปาก

สาเหตุที่พบบ่อยของมะเร็งช่องปาก ได้แก่

การสูบบุหรี่: สารเคมีในควันบุหรี่ เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งช่องปาก
การดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์มาก เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งช่องปาก
การเคี้ยวหมากฝรั่ง: การเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีสาระทาร เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งช่องปากในประเทศไทย
การติดเชื้อไวรัส HPV: การติดเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งช่องปาก
ปัจจัยทางพันธุกรรม: บุคคลที่มีญาติใกล้ชิดเป็นมะเร็งช่องปาก มีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนทั่วไป
แสงแดด: การสัมผัสแสงแดดจัดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะบริเวณริมฝีปาก เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งริมฝีปาก
ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV หรือ ผู้ป่วยที่ได้รับยาภูมิคุ้มกันกด มีโอกาสเป็นมะเร็งช่องปากมากกว่าคนทั่วไป

อาการของมะเร็งช่องปาก

มะเร็งช่องปากในระยะเริ่มต้น มักไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยอาจไม่ทันสังเกต ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตความผิดปกติในช่องปาก ดังต่อไปนี้

แผลเรื้อรัง: แผลในช่องปากที่ไม่หายภายใน 2-3 สัปดาห์
ก้อนเนื้อ: ก้อนเนื้อในช่องปาก อาจมีลักษณะเรียบ ขรุขระ หรือเป็นแผล
สีของเยื่อบุช่องปากเปลี่ยน: เยื่อบุช่องปากมีสีขาว แดง หรือดำ
อาการชาในช่องปาก: รู้สึกชาบริเวณลิ้น หรือกระพุ้งแก้ม
อาการปวดในช่องปาก: รู้สึกเจ็บหรือปวดบริเวณแผล หรือก้อนเนื้อ
ฟันโยก: ฟันโยกโดยไม่ทราบสาเหตุ
เคี้ยวหรือกลืนอาหารลำบาก: เคี้ยวหรือกลืนอาหารลำบาก หรือรู้สึกเหมือนมีก้อนติดคอ
เสียงแหบ: เสียงแหบพร่า หรือพูดลำบาก
ต่อมน้ำเหลืองโต: คลำพบต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณลำคอ

การวินิจฉัยมะเร็งช่องปาก

แพทย์จะวินิจฉัยมะเร็งช่องปากโดยอาศัยวิธีดังต่อไปนี้

1. ซักประวัติ: แพทย์จะซักประวัติสุขภาพทั่วไป อาการ ปัจจัยเสี่ยง เช่น อายุ เพศ ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งช่องปาก พฤติกรรมการกิน การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ น้ำหนักตัว โรคประจำตัว

2. ตรวจร่างกาย: แพทย์จะตรวจร่างกายทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณช่องปาก เพื่อดูว่ามีแผล ก้อนเนื้อ หรือความผิดปกติอื่นๆ หรือไม่ และตรวจต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียง

3. ตรวจชิ้นเนื้อ: หากพบแผล หรือก้อนเนื้อผิดปกติจากการตรวจด้วยกล้องส่องตรวจช่องปาก แพทย์จะเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันการวินิจฉัยมะเร็ง และระบุชนิดของมะเร็ง

4. การตรวจเพิ่มเติม: แพทย์อาจพิจารณาตรวจเพิ่มเติม เช่น การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) การตรวจอัลตราซาวด์ หรือการตรวจ PET Scan เพื่อดูว่ามะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่นหรือไม่

ระยะของมะเร็งช่องปาก: แพทย์จะพิจารณาจัดระยะของมะเร็ง ขึ้นอยู่กับขนาด ความลึกของการลุกลามของก้อนเนื้อ และการแพร่กระจายของมะเร็ง การจัดระยะจะช่วยแพทย์กำหนดแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

การวินิจฉัยมะเร็งช่องปากเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง และรวดเร็ว ผู้ป่วยที่สงสัยว่าตนเองเป็นมะเร็งช่องปาก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาโดยเร็วที่สุด