19-Mar-2012 อ่าน : 6350 คน
การรักษามะเร็งด้วยการใช้รังสี ก็ยังใช้รังสีแบบเดิม แต่มีการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องควบคุมลำรังสี พัฒนาอุปกรณ์ที่ทำให้สามารถจะฉายก้อนมะเร็งเล็ก ๆ ได้ กำบังรังสีได้โดยไม่เสียเวลามาก ผู้ป่วยที่ผ่านรังสีบำบัด จะมีผลกระทบต่อไขกระดูก อาการแสดงออก คือ เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือดลดลง ถ้าได้รับผลกระทบมากเม็ดเลือดแดงก็ลดต่ำลงด้วย
นอกจากนี้ รังสียังมีผลข้างเคียงต่อเนื้อเหยื่อในช่องปาก จมูก ลำคอ ตลอดจนทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น ผู้ป่วยจะมีอาการต่างๆ ได้แก่ ห้อเลือด บวมน้ำ หรือเกิดแผลเปื่อย ทำให้ไม่เจริญอาหาร คลื่นไส้อาเจียน หลักการของแพทย์แผนจีนนั้น ในระหว่างการรักษาด้วยรังสี ผู้ป่วยจึงควรได้รับยาจีนกลุ่มเสริมม้ามปรับสมดุลกระเพาะอาหาร เสริมพละกำลังหล่อเลี้ยงธาตุยิน
ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่จบคอร์สรังสีรักษาแล้ว เม็ดเลือดขาวเกล็ดเลือดลดต่ำกว่าปกติ ก็ควรได้รับยาจีนกลุ่มเสริมชี่ (กำลัง) สร้างบำรุงเลือด บำรุงตับและไต ขณะเดียวกันหลังรังสีรักษา มักจะมีพิษร้อนตกค้างอยู่ในร่างกายผู้ป่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อชี่เลือด ม้าม กระเพาะอาหารขาดสมดุล ตับและไตถูกทำลาย จึงควรรักษาครบคู่ด้วยกลุ่มยาขับร้อนถอนพิษ หล่อเลี้ยงยินเสริมน้ำ จะเห็นได้ว่ายาจีนมีสรรพคุณที่โดดเด่นในการปรับผลข้างเคียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังรังสีบำบัด
หลักการทำงานของรังสีรักษา ทำให้โครโมโซมของเซลล์ขาด โดยการยิงรังสีต้องยิงเป็นลำและยิงเป็นเวลานานหลายนาที เพื่อให้โครโมโซมขาดจนซ่อมไม่ได้ จากการวิจัยพบว่า รังสีจะทำให้เซลล์ตายที่ระยะก่อนจะแบ่งตัวมากที่สุด (ระยะ G2 และ M) เพราะมีโครโมโซมซึ่งเป็นเป้าของรังสีหนาแน่นมากที่สุดในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในวันหนึ่งผู้ป่วยจะถูกฉายรังสีแค่ประมาณ 5 นาที แล้วหยุดพักไป 23 ชม. 55 นาที จึงค่อยมาฉายรังสีอีกในวันถัดไป ช่วงเวลาที่หยุดพักดังกล่าว อาจทำให้เซลล์ที่หลงเหลืออยู่หลุดรอดออกไปและซ่อมแซมตัวเองใหม่ได้ นอกจากนี้ เซลล์ในระยะที่มีโครโมโซมน้อย อาทิ ช่วงที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็ง (ระยะ G0) ก็ตอบสนองต่อรังสีน้อยมาก การใช้ยาจีนระหว่างการฉายรังสีช่วยเพิ่มผลการรักษา เนื่องจากยาจีนนี้จะไปทำลายเซลล์ที่หลงเหลือจากการฉายรังสี โดยเฉพาะเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็ง (ระยะ G0) ซึ่งเหลือรอดจากการรักษาแผนหลักมากที่สุด