22-Apr-2025 อ่าน : 12 คน
ป่วยง่ายหายช้า เหนื่อยล้า ไม่มีแรง เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นอาการของภาวะภูมิคุ้มกันตก
เพราะร่างกายไม่เคยโกหกเรา สัญญาณเตือนจากร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรารู้ว่า ถึงเวลาที่ควรดูแลตัวเองให้มากขึ้นแล้วหรือยัง? ในบทความนี้ เราจึงอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักสังเกตสัญญาณจากร่างกายเมื่อมีอาการภูมิคุ้มกันตก พร้อมทั้งวิธีป้องกันเพื่อเสริมสร้างให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงอยู่เสมอ
"ภูมิคุ้มกันตก" หมายถึง ภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ ส่งผลความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมลดลง ทำให้เราป่วยง่ายขึ้น อีกทั้งยังฟื้นตัวช้ากว่าปกติ
ระบบภูมิคุ้มกัน (Immune System) ของเราจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate Immunity) ซึ่งเป็นเหมือนปราการด่านแรกของการป้องกัน เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาวบนผิวหนังและในน้ำลาย และภูมิคุ้มกันจำเพาะ (Adaptive หรือ Acquired Immunity) ที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายเจอสิ่งแปลกปลอม เช่น การสร้างแอนติบอดีหลังการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อ
เมื่อระบบภูมิคุ้มกันตก นอกจากเราจะเจ็บป่วยง่ายขึ้นแล้ว แต่ก็ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมในหลายด้าน เช่น เสี่ยงต่อการติดเชื้อเรื้อรัง ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคต่าง ๆ มากขึ้น
ภาวะภูมิคุ้มกันตกเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่
เมื่อร่างกายเครียด ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเพิ่มขึ้น ทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันลดลง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ มากขึ้น
การนอนหลับน้อยกว่า 6-7 ชั่วโมงต่อวัน ส่งผลให้ร่างกายอ่อนเพลีย และส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาวลดลง
การกินอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ ไม่ค่อยทานผักผลไม้ หรือการงดมื้ออาหารบ่อย ๆ อาจทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกัน เช่น วิตามินซี วิตามินดี และ โปรตีน ส่งผลให้ความสามารถในการป้องกันเชื้อโรคลดลง
การออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ภูมิคุ้มกันตกและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเรื้อรังได้ เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ ข้อต่อเสื่อม หรือภาวะเหนื่อยล้าสะสม (Overtraining Syndrome) โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน
ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคไต และความดันในเลือดสูง ย่อมทำให้ภูมิคุ้มกันตกลง ส่งผลให้ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนมากยิ่งขึ้น รวมถึงผู้ที่ต้องใช้ยาที่มีผลต่อภูมิคุ้มกัน อย่างเช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ และยารักษาโรคมะเร็ง
ฝุ่นควันจากเครื่องยนตร์ อุตสาหกรรม ควันบุหรี่ และฝุ่น PM 2.5 ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ภูมิคุ้มกันตก อีกทั้งยังทำให้เกิดการอักเสบบริเวณหลอดลมและถุงลม เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ
ก่อนที่ร่างกายจะเกิดอาการเจ็บป่วย มักมีสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันอยู่เสมอ สิ่งที่ควรสังเกตมีดังนี้
ถึงแม้ว่าอาการนี้จะกินยาแล้วหายได้ แต่ก็ยังกลับมาเป็นซ้ำอยู่เรื่อย ๆ ไม่หายขาดเสียที
ไม่ว่าจะเป็นแผลถลอกเล็ก ๆ หรือแผลจากการผ่าตัด หากใช้เวลาสมานแผลนานผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของอาการภูมิคุ้มกันอ่อนแอได้
แม้ว่าจะนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังตื่นมาด้วยความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ไม่สดชื่น หรือขาดความกระปรี้กระเปร่าในทุก ๆ เช้าเสมอ
ระบบทางเดินอาหารเกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น หากมีอาการภูมิตกก็มักเกิดอาหารท้องเสียได้ง่ายเช่นกัน
เชื้อรา งูสวัด และเริม เป็นอาการที่ชัดเจนของภาวะภูมิคุ้มกันตก โดยงูสวัสและเริม เกิดจากเชื้อไวรัสที่เมื่อติดแล้วจะแฝงตัวอยู่ในร่างกาย คนที่เคยเป็นและรักษาแล้ว จึงจะแสดงอาการทุกครั้งที่ระบบภูมิคุ้มกันมีความอ่อนแอ ส่วนเชื้อรา มักเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดในผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้ที่จำเป็นต้องใช้ยาที่ออกฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน
หากคุณมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นไปได้ว่าภูมิคุ้มกันของคุณกำลังอ่อนแอ หรืออยู่ในภาวะภูมิตก ดังนั้น การใส่ใจและสังเกตสัญญาณเตือนจากร่างกายตัวเองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และช่วยให้สามารถหันมาดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมก่อนที่จะเกิดโรคใด ๆ
ร่างกายจะแข็งแรงมากขึ้นหากรู้จักวิธีการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ใครไม่อยากภูมิคุ้มกันตกต้องรู้จักวิธีเสริมสร้างความแข็งแรง ดังต่อไปนี้
หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงอาการภูมิคุ้มกันตก สามารถเลือกดูแลตัวเองได้ด้วย ยาน้ำเทียนเซียน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจีนที่ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ช่วยปรับสมดุลร่างกายจากภายในสู่ภายนอก และเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ตัวเอง
ใครที่อยากเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายด้วยวิถีธรรมชาติ สามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่ LINE: @tianxian