ปรึกษาผลิตภัณฑ์กับเรา

วิธีแก้ไขอาการข้างเคียงที่พบบ่อยจากเคมีบำบัด

03-Oct-2011     อ่าน : 7521 คน


 

วิธีแก้ไขอาการข้างเคียงที่พบบ่อยจากเคมีบำบัด

เนื่องจากยาเคมีบำบัดเมื่อเข้าสู่ร่างกายและผ่านสู่อวัยวะทางกระแสเลือดแล้ว ยาเคมีจะไปทำลายเซลล์มะเร็งเเละทำลายเซลล์ปกติด้วย โดยเฉพาะเซลล์ที่มีการเจริญเติบโตและมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว เช่น เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร, เส้นผม, เม็ดเลือด ดังนั้น จึงเกิดผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์ในระหว่างการให้ยาเคมีบำบัดแต่ละครั้งต่อเซลล์ อาการไม่พึ่งประสงค์ที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันขึ้นกับชนิดของยาเคมีบำบัดที่ได้รับ และปฏิกิริยาตอบสนองต่อยา ของร่างกายผู้ได้รับยาเคมีบำบัดนั้น

อย่างไรก็ตาม อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นจะหายไปเมื่อสิ้นสุดการให้ยาเคมีบำบัด ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์จะขึ้นกับชนิดของยาเคมีบำบัดที่ได้รับ และปฏิกิริยาตอบสนองต่อยาของร่างกายผู้ได้รับยาเคมีบำบัดนั้น เมื่อหยุดยาเซลล์เหล่านี้ก็จะฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติได้เร็ว จึงต้องมีระยะพักระหว่างให้ยาแต่ละครั้ง ก็เพื่อให้เซลล์เหล่านี้ฟื้นตัวกลับสู่สภาพปกติ

ข้อควรปฏิบัติในการดูแลตนเองเมื่อเกิดผลข้างเคียงเคมีบำบัด

1. คลื่นไส้ อาเจียน อาจเริ่มมีอาการ เกิดขึ้น 1-6 ชั่วโมงหลังได้รับยา วิธีการดูแล

  • ก่อนให้ยาเคมีบำบัด 3-4 ชั่วโมง ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย
  • หลังการให้ยาเคมีบำบัด รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย หรือ อาหารเหลวใส เช่น น้ำซุป ครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง
  • หลีกเลี่ยง อาหารที่มีรสจัด หวาน เค็มหรือ มีไขมัน และของทอดทุกชนิด รวมทั้งงดอาหารที่ใส่เครื่องเทศ
  • งดเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม เหล้า/เบียร์ งดการสูบบุหรี่
  • ทำความสะอาดปากและฟันหลังอาหารทุกมื้อ
  • ถ้ารู้สึกคลื่นไส้ ให้พักผ่อนและสูดหายใจยาวๆ ลึกๆ ช้าๆ ใช้การผ่อนคลายอารมณ์ เช่น การฟังดนตรี การดูทีวี เป็นต้น
  • สำหรับบางคนที่มี อาการคลื่นไส้และอาเจียนมากตลอดวัน และรับประทานอาหารได้น้อยมาก ควรรีบปรึกษาแพทย์ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับยา /น้ำเกลือเพื่อแก้ไขภาวะดังกล่าว

2. แผลในปาก

  • แปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม ใช้ยาสีฟันที่ไม่ระคาย เคืองและบ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน
  • รับประทานอาหารอ่อนๆ และดื่มน้ำบ่อยๆ วันละ2500- 3000 ซีซี (ถ้าไม่มีข้อจำกัดหรือมีโรคประจำตัว)
  • อมน้ำแข็งบด จะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น
  • ถ้ามีแผลในปากมาก แพทย์จะพิจารณาให้ยาเพื่อรักษาอาการ

3. ผมร่วง

  • ให้ตัดผมสั้น การดูแลผมจะง่ายกว่าในกรณีที่เกิดผมร่วง
  • ใช้แชมพูสระผมชนิดอ่อนๆ เช่นแชมพูเด็ก และอย่าสระผมบ่อย
  • ใช้แปรงที่มีขนนิ่มๆแปรงผม หรือหวีที่มีซี่ฟันห่างๆและอย่าหวีผมบ่อย
  • หลีกเลี่ยงการเป่าผม ดัดผม หรือย้อมผม
  • ควรเตรียมวิกผมไว้ล่วงหน้า ก่อนผมร่วงหมด จะเข้ากับรูปหน้าที่มีผมตามธรรมชาติ มากกว่าซื้อวิกผมเมื่อผมร่วงมากแล้วโดยควรปรึกษากับแพทย์ก่อนว่า ควรต้องใช้วิกหรือไม่
  • ใส่หมวก ใช้ผ้าโพกศีรษะเวลาเดินทางออกนอกบ้าน

4. ท้องเสีย

  • รับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงสุกแล้ว
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย งดเว้นการรับประทานอาหารผัก ผลไม้
  • รับประทานอาหารอ่อนๆ ย่อยง่าย รสจืด ครั้งละน้อยๆ งดอาหารที่ระคายเคือง ระบบทางเดินอาหาร เช่น อาหารทอด อาหารมันๆ
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส เช่น ถั่ว โซดา งดการดื่มนม และผลิตภัณฑ์จากนม
  • งดดื่ม ชา กาแฟ ตลอดจนน้ำผลไม้ทุกชนิดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • รับประทานยาแก้ท้องเสียตามแพทย์สั่ง
  • ควรดื่มน้ำทดแทนมากๆ เช่น น้ำอุ่น น้ำชาอุ่นๆ เป็นต้น

5. ท้องผูก

  • รับประทานอาหารที่มีกากใย เช่นผัก และผลไม้ ธัญพืช ข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือให้มากขึ้น
  • ดื่มน้ำมากๆ วันละ2.5- 3 ลิตร อาจจะดื่มเป็นน้ำผลไม้ น้ำมะตูม น้ำใบบัวบก น้ำ มะขามก็ได้ถ้าไม่มีข้อจำกัดหรือมีโรคประจำตัว)
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้
  • ฝึกการขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ดื่มน้ำอุ่นๆ ในตอนเช้า
  • ใช้ยาถ่าย หรือ ยาระบาย ตามคำสั่งแพทย์

6. ผิวหนังและเล็บ

ยาบางชนิดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง และเล็บ ผิวหน้าอาจมีฝ้าขึ้นหรือสีคล้ำ ผิวหนังแห้ง เล็บมีรอยดำคล้ำ อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นชั่วคราว

  • หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจ้า
  • ด้วยการสวมเสื้อแขนยาว ใช้ร่ม หรือสวมหมวก
  • ทายากันแดดที่หน้า เพื่อป้องกันฝ้า
  • ทาครีมหรือน้ำมันบำรุงผิวหนังเพื่อช่วยให้ชุ่มชื่น

7. การป้องกันการติดเชื้อ

ยาเคมีบำบัดอาจทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วง 7-14 วันหลังให้ยา เนื่องจากยา บางชนิดกดการทำงานของไขกระดูก ซึ่งทำให้การสร้างเม็ดเลือดขาวน้อยลง เกิดภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ( Leukocytopenia)

  • ไม่ควรไปในสถานที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ศูนย์การค้า ตลาดนัด โรงภาพยนตร์ เป็นต้น 
  • หลีกเลี่ยงให้ห่างจากบุคคลที่ไม่สบายหรือเป็นโรคติดต่อ เช่น เป็นหวัด ไข้หวัดใหญ่ หัด ฯลฯ 
  • ล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร และภายหลังจากเข้าห้องน้ำทุกครั้ง

ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการติดเชื้อ เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น เจ็บคอ ไอมาก ควรรีบมาพบแพทย์ ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง

8. เพศสัมพันธ์ 

ยาเคมีบำบัดอาจมีผลกับอวัยวะสืบพันธุ์ และหน้าที่การทำงานของอวัยวะทั้งเพศหญิงและเพศชาย แต่ไม่เสมอไป ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั้นขึ้นอยู่กับยาที่ผู้ป่วยได้รับ อายุ และสุขภาพทั่วไปของตัวผู้ป่วยเอง 

  • เพศชาย ยาเคมีบำบัดจะทำให้มีการผลิตอสุจิน้อยลง (ขึ้นอยู่กับยาที่ได้รับ) แต่ผู้ป่วยก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ และสามารถมีบุตรได้ โดยการเก็บอสุจิไว้กับโรงพยาบาลก่อนได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยจึงควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ 
  • เพศหญิง ยาเคมีบำบัดจะมีผลทำให้บางคนมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือขาดประจำเดือน มีภาวะช่อง คลอดแห้ง เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ จึงควรใช้ครีมเพื่อช่วยหล่อลื่น นอกจากนี้ควรคุมกำเนิดในระหว่างรักษาด้วยยาเคมีบำบัด เพราะทารกในครรภ์อาจเกิดความผิดปกติได้

9. อารมณ์      

ผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด อาจมีอารมณ์แปรปรวนเนื่องจากความวิตกกังวลต่อโรคที่เป็น และต่ออาการอันเกิดจากผลข้างเคียงของยาเคมี บางรายอาจมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา จึงจำเป็นที่ครอบครัว ญาติ และเพื่อน ควรมีส่วนร่วม ในการช่วยเหลือผู้ป่วย โดยการดูแลเอาใจใส่ และพูดคุยให้กำลังใจ เพื่อให้รู้สึกสบายใจ มีกำลังใจขึ้น และคลายความวิตกกังวล ไม่ควรท้อแท้หรือหมดกำลังใจ และหยุดการรักษาโดยที่การรักษายังไม่ครบกำหนด

 

 

ปรึกษาผลิตภัณฑ์

กรุณากรอกแบบฟอร์ม เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Tag ที่เกี่ยวข้อง

ความรู้มะเร็ง การดูแลผู้ป่วยมะเร็ง เคมีบำบัด

มะเร็งกับการดูแล

มะเร็งกับการรักษา

มะเร็งกับอาหาร

บริษัท เฟยดา จำกัด

โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

อ่านต่อ >>

ผลิตภัณฑ์ของเรา

ยาน้ำเทียนเซียน

เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส

นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค

ติดต่อเรา

02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110

Copyright © 2020 บริษัท เฟยดา จำกัด. All rights reserved.