22-Jan-2013 อ่าน : 10600 คน
เมื่อหมอเป็นมะเร็งระยะลุกลาม
นายแพทย์ สวี่ต๋าฟู ชาวไต้หวัน
มะเร็งลำไส้ลามไปต่อมน้ำเหลือง ระยะ 3
แนะนำ นายแพทย์ สวี่ต๋าฟู
- เคยดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมประสาทสมอง ของ ศูนย์การแพทย์ฉางเกิงหลินโขว่
- ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยรักษาประสาทสมองของศูนย์การแพทย์ซุนจงซาน (NCRC)
- รองผู้อำนวยการฝ่ายรักษาโรคของโรงพยาบาลหลินซิน นครไทจง
- เป็นผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมประสาทสมองที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในและนอกไต้หวัน
มะเร็งใครๆก็เป็นได้ ไม่เลือกอาชีพ ฐานะทางสังคม อายุ ผมเป็นแพทย์ ตลอดหลายปีในการทำงานผมได้เห็นแพทย์ป่วยเป็นมะเร็งไม่ต่ำกว่า 100 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่รอดไม่ถึง 5 ปี โดยคนที่อยู่รอดได้ก็ต้องเจ็บปวดมากกับการรักษา เมื่อในที่สุดมะเร็งได้เกิดกับผม ก่อนอื่นผมได้พิจารณาตัวเองและยอมรับมันให้ได้ วิเคราะห์สาเหตุการเกิดโรค รีบพิจารณาวิธีแห่งการอยู่รอด พบว่า ต้องใช้การแพทย์แบบผสมผสาน ยาจีนเป็นการแพทย์ทางหนึ่งที่ผมเลือก และนี่คือประสบการณ์พิชิตมะเร็งด้วยยาจีนของผม
เมื่อผมทราบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งแล้ว ผมผวาตกใจเหมือนทุกคน สงสัยอยู่ว่าทำไมต้องเป็นผม? ต่อมาคิดด้วยความกลัวว่า ผมใกล้จะตายแล้วหรือ?
โรคมะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร ในโลกนี้แทบจะไม่มีคนสามารถตอบคำถามของคุณได้ สาเหตุที่แพทย์จะต้องผ่าตัด รักษาด้วยเคมีหรือรังสีรักษา เพราะพวกเขาก็ไม่ทราบว่าโรคมะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร ดังนั้นจะต้องตัดออกไปโดยด่วน จะต้องฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตายด้วยสารเคมีที่มีพิษหรือรังสีโดยเร็ว แต่ในที่สุดก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะถ้าหากประสบผลสำเร็จแล้ว ทำไมการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งยังเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของมนุษย์ เช่นที่ไต้หวันทุก 8 วินาที ก็จะมีคนหนึ่งคนเป็นโรคมะเร็ง แต่ละปีมีหลายหมื่นคนเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง เห็นได้ชัดว่า การรักษาโรคมะเร็งในปัจจุบันนี้ยังมีข้อบกพร่อง ยังไม่สมบูรณ์
ตอนนั้นเมื่อผมรู้ว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งลำไส้ตรง ระยะที่ 3 ลามไปต่อมน้ำเหลืองแล้ว สมองก็เวิ้งว้าง ไม่มีสมาธิ สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากมีสติขึ้นมาคือ เขียนพินัยกรรม หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ผมก็ตั้งใจไปโรงพยาบาลเพื่อเตรียมรักษา ในระหว่างพักที่โรงพยาบาล ผมไม่ได้เอาแต่นอนถอนหายใจบนเตียง แต่กลับอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับโรคมะเร็งอย่างแข็งขัน ผมจึงพบว่ามีสูตรลับรักษามะเร็งมากมาย อาทิ ยาน้ำสมุนไพรจีน ฝึกกำลังภายใน การนวดฝ่าเท้า เป็นต้น เมื่อผมทราบข่าวสารความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งมากขึ้น ผมยิ่งสบายใจมากขึ้น เพราะผมรู้แล้วว่า มันไม่ใช่ต้องตายลูกเดียวแต่เหมือนจะมีทางเลือกไม่น้อยแล้ว
แม้ว่าผมเป็นผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมประสาทที่มีประสบการณ์ในการรักษาโรคก็ตาม แต่ตราบใดที่ป่วยแล้วก็เป็นคนไข้คนหนึ่ง หลังจากอ่านหนังสือสิบกว่าเล่มแล้ว ผมเริ่มนอนทบทวนและเข้าใจในที่สุดว่า ที่แท้ โรคมะเร็งเป็นเพียงโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งมิอาจทำให้คนเสียชีวิต การที่คนตายจากโรคมะเร็งก็เพราะภูมิคุ้มกันของตนลดลง และการลดลงของภูมิคุ้มกันเกิดมาจากความหวาดกลัว การนอนไม่หลับ สภาวะโภชนาการไม่สมดุลและภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาของคนไข้
สำหรับยารักษาโรคมะเร็งที่ญาติสนิทมิตรสหายมากมายแนะนำมา ผมจะตรวจสอบจำนวนการทดลองและวิทยานิพนธ์ตามมาตรฐานทางวิชาการ ถ้าสิ่งที่เรียกว่าอาหารหรือยาช่วยต้านโรคมะเร็งเหล่านี้สามารถผ่านมาตรฐานที่ผมกำหนดเอง ผมยังจะทดลองใช้ด้วยตนเอง การทำเช่นนี้เท่านั้นที่จะทำให้ผมค้นพบวิธีรักษาผสมผสานที่เหมาะสมที่สุดให้แก่ตนเองและคนไข้โรคมะเร็งจำนวนมากได้ การต่อสู้กับโรคมะเร็งสำหรับผมไม่เพียงแต่สบายๆ เท่านั้น หากยังได้ผลจริงด้วย
ผมไม่ต่อต้านการรักษาแผนปัจจุบัน แต่ต้องพอสมควร หากรับแต่การรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเดียว แต่ไม่เปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ผมขอยืนยันว่าคุณจะประสบความล้มเหลวแน่นอน ตรงกันข้าม หากปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษในการรักษาแล้ว ร่างกายยิ่งนานวันจะยิ่งแข็งแรงขึ้น จนกระทั่งเนื้องงอกยุบลงหรือหายไป ถึงเวลานั้นก็พิจารณายุติการรักษาได้แล้ว
ผมปฏิเสธการผ่าตัด ตัดสินใจทำแค่ฉายรังสี รับเคมีบำบัดเพียง 1 ครั้ง ทนผลข้างเคียงไม่ได้ก็หยุดการให้ จากนั้นจึงหันมาดูแลตัวเองด้วยการฝึกชี่กง รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพอย่างจริงจัง 1 ปีต่อมา รู้จัก ยาสมุนไพรจีน และใช้มาจนทุกวันนี้ หลังจากปฏิเสธการรักษา ผมไม่เคยกลับไปตรวจติดตามผลขนาดก้อนมะเร็งอีกเลย แค่ตรวจสอบสุขภาพตนเองให้แข็งแรง ออกกำลังกาย และดูแลสภาพจิตใจให้มีความสุข
ประสบการณ์ในการต่อสู้กับโรคมะเร็งของผมกล่าวได้ว่าสบายมาก ในนี้มีพลังผลักดันสำคัญอย่างหนึ่งคือ ไม่กลัว เมื่อคุณไม่กลัวแล้วก็จะไม่นั่งรอความตาย ตรงกันข้าม จะบอกตนเองอย่างกระตือรือร้นทุกวันว่า “ชีวิตมีค่ามาก ต้องอยู่ให้รอด”
ผมขอเสนอประสบการณ์ที่ประสบเองให้กับเพื่อนคนไข้โรคมะเร็ง ดังนี้
1. ใช้ชีวิตอย่างปกติ นอนเร็วตื่นเร็ว ช่วยให้สดชื่น
2. ปล่อยวางงานที่มากเกินไป ลดความกดดัน
3. ดื่มน้ำสะอาด
4. รับประทานเรียบง่าย พยายามให้ได้อาหาร “สี่ต่ำหนึ่งสูง” คือ อาหารที่มีโปรตีนต่ำ ไขมันต่ำ น้ำตาลต่ำ โซเดียมต่ำ ใยอาหารสูง พยายามรับประทานอาหารธรรมชาติลดการทานอาหารแปรรูป
5. ออกกำลังกายวันละ 2 ชั่วโมง
6. ดื่ม ยาจีนสมุนไพรที่ผ่านการทดลองทางวิทยาศาสตร์
หนังสือเคล็ดลับรักษามะเร็งของคุณหมอ
ปิดประตูใจเพราะกลัว “ของปลอม”
ความอุดมสมบูรณ์ของทั้งเขา ป่า แม่น้ำ ทำให้ประเทศจีนเป็นต้นกำเนิดวัตถุดิบและสมุนไพรชั้นยอด แต่ด้วยสมุนไพรที่มีหลากหลายในท้องตลาด ช่วงแรกผมรู้สึกไม่มั่นใจว่า อันไหนคือสิ่งที่เชื่อถือได้ อันไหนคือของจริง ตอนแรกที่ได้รู้จักกับ ยาจีน ผมไม่มั่นในว่า นี่คือของปลอมหรือเปล่า จนวันหนึ่งได้มีโอกาสรู้จักกับผู้คิดค้นยา ศาสตราจารย์ หวังเจิ้นกั๋ว เขาได้อธิบายถึงหลักฐาน กระบวนการของเทียนเซียที่ได้รับการรับรองมาจากหลากหลายสถาบัน ผมจึงค่อยเริ่มเปิดใจ
เปิดใจกับสมุนไพรจีน
การศึกษาค้นคว้าด้านสมุนไพรมาตั้งแต่เด็กของ ศาสตราจารย์ หวังเจิ้นกั๋ว ทำให้เขามีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องสมุนไพรจีนมากมาย โดยเขามีความสนใจในสมุนไพรเพื่อรักษาและต้านโรคมะเร็งเป็นพิเศษ จนเขาได้รับการยกย่องจากหลายสถาบันทั้งนักวิชาการ สมาคมการควบคุมโรคมะเร็งของสหรัฐอเมริกา หลักฐานดังกล่าวนี้เอง เป็นเครื่องยืนยันให้ผมมั่นใจและเปิดใจยอมรับการรักษาด้วยสมุนไพรจีน
แพทย์แผนปัจจุบันพบทางตัน
การรักษาโรคมะเร็งของแพทย์แผนปัจจุบัน คือ การผ่าตัด ฉายแสง และเคมีบำบัด เป้าหมายคือ การทำลายล้าง การทำลายล้างในทีนี้ ไม่เพียงแต่ทำลายเซลล์มะเร็งเท่านั้น แต่ยังทำลายเซลล์ปกติที่มีอยู่ในร่างกายของผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการข้างเคียงอย่างรุนแรง ผู้ป่วยต้องทนทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและสภาพจิตใจ ผู้ป่วยจำนวนมากหมดเรี่ยวหมดแรงและสูญเสียกำลังใจในการรักษาตัว การรักษาของแพทย์แผนปัจจุบันมาถึงทางตันแล้ว การแพทย์แบบผสมผสานจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาผลข้างเคียง
การแพทย์แบบผสมผสานสู้มะเร็ง
การแพทย์แบบผสมผสานได้รับความสนใจจากนักวิชาการและวงการแพทย์อย่างกว้างขวาง ที่จีนแผ่นดินใหญ่แพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนจีนร่วมมือกัน ในญี่ปุ่นและเยอรมันก็ให้ความสำคัญกับธรรมชาติบำบัด แต่ในไต้หวัน แพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนจีนไม่ค่อยร่วมมือกันมากนัก จนในปี ค.ศ.2008 ผมยินดีมากที่ได้ยินว่า โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไต้หวัน ได้ก่อตั้งศูนย์การแพทย์แบบผสมผสานขึ้น เชื่อว่าจะทำให้การแพทย์ของไต้หวันก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น การรักษามะเร็งในแนวทางการแพทย์แบบผสมผสานที่น่าสนใจ คือ การใช้สมุนไพรจีนเข้ามาช่วยควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งผมได้พบปะผู้ป่วยมากมายที่ประสบความสำเร็จ
ศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง เขาเป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบีและเป็นมะเร็งตับ เขาเข้ารับการผ่าตัดครั้งแรก หมอผ่าตัดมะเร็งตับออก แต่ภายหลังหมอพบว่าเขาเป็นมะเร็งที่ท่อน้ำดีไม่สามารถผ่าตัดได้ เขาถามคุณหมออย่างมีความหวังว่า เขาสามารถทำเคมีบำบัดได้ไหม ? แต่คำตอบที่คุณหมอมีให้เขาคือ “คุณทำไปก็ไร้ประโยชน์” เขาถามคุณหมอต่อ แล้วถ้าผมทำเคมีบำบัดไม่ได้ ผมจะทำอย่างไร “คุณมีชีวิตอยู่ได้อีกครึ่งปี” นี่คือคำตอบจากคุณหมอ ผู้ป่วยท่านนี้ยังไม่ท้อ รีบหาข้อมูล จนได้รู้จักกับการแพทย์แบบผสานผสาน รักษา 2 ทางทั้งทางแพทย์แผนปัจจุบันและการใช้สมุนไพรจีน เวลาผ่านไปครึ่งปี เขากลับมาพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรง เนื้องอกที่เคยมีกลับหายไป จนคุณหมอหลายท่านทึ่งและรู้สึกเหลือเชื่อ
อีกกรณีเป็นผู้สื่อข่าวญี่ปุ่นรายหนึ่ง เขาป่วยเป็นมะเร็งปอด เนื่องจากก้อนมะเร็งอยู่ใกล้กับหลอดเลือดแดงไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รักษาตัวด้วยวิธีการแพทย์แบบผสมผสาน เข้ารับเคมีบำบัดควบคู่กับการใช้สมุนไพรจีน ปัจจุบันก้อนเนื้อก็หายไป
การรักษาให้โรคมะเร็งหายขาด คงไม่สามารถพึ่งแต่การรักษาในโรงพยาบาลได้เพียงอย่างเดียว หรือใช้ยาเพียงอย่างเดียว เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษให้กลายเป็นสภาพแวดล้อมที่ดี ในไม่ช้าเราจะสลัดโรคมะเร็งออกไปจากชีวิตได้ในที่สุด
โดยตั้งแต่ปี 1998 บริษัท เฟยดา จำกัด สาขาประจำประเทศไทย เริ่มดำเนินงานนำเข้า และเป็นตัวแทนจำหน่ายสมุนไพรเทียนเซียนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
อ่านต่อ >>
ยาน้ำเทียนเซียน
เอ็กซ์แทร็คท์ พลัส
นิทรา เฮอร์เบิล ฟุทโซค
02-264-2217,02-264-2218,
02-264-2219
เวลาทำการ 08.30 น.-17.00 น.
[email protected]
213/5 อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 6 สุขุมวิท 21 คลองเตยเหนือ วัฒนา กรุงเทพ 10110